การทำพาราฟิน

        การทำพาราฟิน มือ & เท้า  ขั้นตอนการทำก็คล้ายๆกับการทำสปา แตกต่างกันนิดเดียว คือพาราฟินไม่ต้องตัดหนังเพราะการตัดหนังจะทำให้ผิวหนังขาดการปกป้องเชื้อโรค การทำพาราฟินทำเพื่อให้ผิวหนังนุ่ม ชุ่มชื้น ช่วยในเรื่องการบำรุงผิวแห้ง ผิวแตก บริเวณมือที่แห้งกร้านหรือส้นเท้าที่แตกสามารถบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเป็นการทำสปาพาราฟินก็คือทำสปาตัดหนังเสร็จแล้วก็เพิ่มพาราฟินเข้าไปอีกหนึ่งขั้นตอนก็เท่านั้นเอง สปาพาราฟิน คือสปา + พาราฟิน
ขั้นตอนการทำพาราฟินมือ 

  • ทำความสะอาดมือช่าง
  • ทำความสะอาดมือลูกค้า 
  • นำน้ำอุ่นมาล้างมือและขัดสครัปผิวให้กับลูกค้า ขั้นตอนนี้ขัดข้างละ 10 นาที
  • เสร็จแล้วนำน้ำอุ่นมาล้างมือลูกค้าอีก 2 ครั้ง
  • เช็ดผิวให้แห้ง
  • นำโลชั่น+น้ำมันนวดผิว มานวดให้กับลูกค้าข้างละ 10 นาที นวดเพื่อให้โลชั่นและน้ำมันซึมเข้าผิวหนังเพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนัง 
  • หลังจากที่นวดเสร็จแล้วก็จะเป็นการจุ่มพาราฟิน ค่อยๆนำมือลูกค้าจุ่มลงหม้อพาราฟิน เพราะหม้อต้มพาราฟินอาจจะร้อนเกินไป ถ้าจุ่มลงไปเลยลูกค้าอาจร้อนหรือผิวอาจจะแดงและแสบร้อนได้ ดังนั้นเวลาจุ่มควรค่อยๆจุ่มลงไปดูว่าร้อนมากแค่ไหน การจุ่มพาราฟินควรจุ่มสัก 2-3 รอบ เพื่อให้ตัวพาราฟินเกาะผิวหนัง
  • ใช้แร็ปห่อเพื่อให้ได้ผลดี และพาราฟินจะได้ซึมเข้าผิวได้ดี
  • นำถุงมือไฟฟ้าใส่มือให้ลูกค้า 20 นาที และคอยดูลูกค้าเรื่อยๆ ว่าร้อนเกินไปรึป่าว เพราะถุงมือไฟฟ้ามีกระแสไฟฟ้าบางทีลูกค้าอาจจะร้อนแต่ไม่กล้าบอก ดังนั้นเราเป็นช่างควรถามลูกค้าบ่อยๆ
  • เมื่อ 20 นาที ก็นำพาราฟินออกและนวดให้ลูกค้าอีก ข้างละ 5 นาที
  • เสร็จแล้วถ้าลูกค้าจะทาสีก็ทาสีให้กับลูกค้า แต่การทำพาราฟิน ความมันบนหน้าเล็บจะมีมากดังนั้นก่อนทาสีควรเช็ดแอลกอฮอล์หน้าเล็บ  ใต้เล็บให้สะอาดไร้ความมันก่อนจะทาสีนะคะ เพราะไม่เช่นนั้นสีจะไม่แห้ง และถ้าเป็นการทาสีเจล สีเจลก็จะร่อนออกมาเป็นแผ่นเลยจ๊ะ





ในส่วนของเท้าก็ทำเช่นเดียวกัน

  • ทำความสะอาดมือช่าง
  • เปิดน้ำอุ่นใส่อ่างสปา
  • นำเท้าลูกค้าลงไปแช่
  • ขัดเล็บเท้า
  • ขัดสครัปผิวให้กับลูกค้า ขั้นตอนนี้ขัดข้างละ 10 นาที
  • ล้างทำความสะอาดเท้า
  • เช็ดผิวให้แห้ง
  • นำโลชั่น+น้ำมันนวดผิว มานวดให้กับลูกค้าข้างละ 10 นาที นวดเพื่อให้โลชั่นและน้ำมันซึมเข้าผิวหนังเพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนัง 
  • หลังจากที่นวดเสร็จแล้วก็จะเป็นการจุ่มพาราฟิน ค่อยๆนำเท้าลูกค้าจุ่มลงหม้อพาราฟิน เพราะหม้อต้มพาราฟินอาจจะร้อนเกินไป ถ้าจุ่มลงไปเลยลูกค้าอาจร้อนหรือผิวอาจจะแดงและแสบร้อนได้ ดังนั้นเวลาจุ่มควรค่อยๆจุ่มลงไปดูว่าร้อนมากแค่ไหน การจุ่มพาราฟินควรจุ่มสัก 2-3 รอบ เพื่อให้ตัวพาราฟินเกาะผิวหนัง
  • ใช้แร็ปห่อเพื่อให้ได้ผลดี และพาราฟินจะได้ซึมเข้าผิวได้ดี
  • นำถุงเท้าไฟฟ้าใส่เท้าให้ลูกค้า 20 นาที และคอยดูลูกค้าเรื่อยๆ ว่าร้อนเกินไปรึป่าว เพราะถุงเท้าไฟฟ้ามีกระแสไฟฟ้าบางทีลูกค้าอาจจะร้อนแต่ไม่กล้าบอก ดังนั้นเราเป็นช่างควรถามลูกค้าบ่อยๆ
  • เมื่อ 20 นาที ก็นำพาราฟินออกและนวดให้ลูกค้าอีก ข้างละ 5 นาที
  • เสร็จแล้วถ้าลูกค้าจะทาสีก็ทาสีให้กับลูกค้า แต่การทำพาราฟิน ความมันบนหน้าเล็บจะมีมากดังนั้นก่อนทาสีควรเช็ดแอลกอฮอล์หน้าเล็บ ใต้เล็บให้สะอาดไร้ความมันก่อนจะทาสีนะคะ เพราะไม่เช่นนั้นสีจะไม่แห้ง และถ้าเป็นการทาสีเจล สีเจลก็จะร่อนออกมาเป็นแผ่นเลยจ๊ะ 

      Tip: การทำสปาหรือพาราฟินขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการนวดให้กับลูกค้า การนวดต้องทำด้วยความใส่ใจ ถ้าเราทำด้วยความใส่ใจดูแล ลูกค้าก็จะรู้สึกดี ผ่อนคลาย การนวดเราอาจจะนวดไม่เก่งแต่ถ้าเรานวดด้วยความใส่ใจลูกค้าก็รับรู้และพึ่งพอใจในการทำงานของเรา การนวดที่ดีไม่จำเป็นต้องนวดเก่งเสมอไป นวดเก่งแต่ขาดการดูแลใส่ใจก็ไม่มีความหมายสำหรับลูกค้า เขาเข้าร้านมาหาเราก็ต้องการให้เอาใจ เพราะเสียเงินทำก็อยากได้ความสบายใจก็เท่านั้นเอง 
    ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมหวังว่าคงเป็นเกร็ดความรู้เล็กน้อยให้กับทุกๆท่านค่ะ

การทำสปามือ&เท้า Manicure & Pedicure

       สปามือ & เท้า   Manicure & Pedicure 
การทำสปามือและเท้าขั้นตอนการทำเหมือนๆกันแต่จะแตกต่างกันตรงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ คือมือจะใช้ในส่วนของมือเท่านั้นส่วนเท้าก็ใช้ในส่วนของเท้า จะไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวเดียวกัน เพราะมือกับเท้าผิวไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้สครัปหรือโคลนมาร์คผิว หรืออุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ทำก็ต้องแยกของใครของมัน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าก็ดีหรือช่างก็ดีบางท่านก็ถือนะคะ "ว่าอ้าวเห็นเอาทำเท้าอยู่ทำไมเอามาทำมือ" นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องแยกส่วนออกเป็นของใครของมัน อุปกรณ์ที่ใช้ทำก็เช่นเดียวกัน เช่น เกี่ยวกับเครื่องมือ ตัดเล็บ ตัดหนัง ตะไบ ที่ขัดเงา แปรงปัดฝุ่น หรืออะไรก็ตามทั้งหมดทั้งสิ้น ที่ใช้กับเล็บมือก็แยกไว้ส่วนเล็บมือ ส่วนที่ใช้กับเท้าก็แยกออกให้เป็นระเบียบ เรียบร้อย สะอาดสะอ้าน ไม่ใช้หยิบขึ้นมายังมีหนังของลูกค้าคนเก่าติดอยู่ ความสะอาดนี่สำคัญที่สุดในการทำงานบริการ ดังนั้นเรื่องความสะอาด clean  ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก เพราะการทำสปา ก็ต้องตัดเล็บ ตัดหนังให้กับลูกค้าด้วย ไม่ใช่แค่การขัดการนวดเท่านั้น วันนี้จึงอยากแนะนำในส่วนการทำสปาที่ทำให้ลูกค้าติดใจและพึงพอใจให้กับท่านที่เป็นช่าง หรือท่านที่สนใจมาฝากกันค่ะ
        ขั้นตอนการทำเอาเล็บมือก่อนนะจ๊ะ

  •  ทำความสะอาดมือช่างก่อน เพราะก่อนจะทำลูกค้าให้สะอาดตัวช่างเองสะอาดรึยัง 
  • ต่อมาก็เช็ดแอลกอฮอล์ให้กับลูกค้า
  •  ตัดเล็บ แต่งทรง
  •  ขัดสครัปข้างละ 5 นาที
  •  ขัดเสร็จก็ล้างด้วยน้ำสะอาด 2 รอบ
  •  มาร์คผิวและห่อด้วยแร็ป การห่อแร็ปจะทำให้ครีมหรือโคลนที่มาร์คซึมเข้าผิวหนังได้ดี จะทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น
  •  เสร็จแล้วถ้ามีโบว์หรือที่แช่นิ้วมือ ให้เอาใส่น้ำให้ลูกค้าแช่นิ้วหนังจะได้เปื่อยเร็วๆ หรือใช้วาสลีนทาทิ้งไว้สักพักเพื่อให้หนังนุ่ม เพื่อที่เราจะได้ตัดหนังได้ง่ายขึ้น         
  • ตัดหนังเสร็จแล้วก็แต่งทรงเล็บดูความเรียบร้อยของเล็บอีกครั้ง
  • จากนั้นนำแร็ปออก แล้วใช้ผ้าร้อนค่อยๆเช็ดครีมออก
  • นวดคลึงเบาๆ
  •  ใช้ออยหรือน้ำมันนวด นวดแขน ฝ่ามือ หัวไหล่ ต้นคอ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสบาย และผ่อนคลาย นวดข้างละ 10 นาทีนะคะ ต้อง 10 นาทีจริงๆ 
เสร็จขั้นตอนการนวดแล้วต่อไปก็เป็นการทาสีเล็บให้กับลูกค้า

          ในส่วนของการทำสปาเท้าก็เหมือนกัน

  • เปิดน้ำในอ่างสปาเท้า ใช้น้ำอุ่น
  • ล้างทำความสะอาด ใช้แปรงขัดเล็บเท้าเบาๆ
  • ตัดเล็บ แต่งทรง
  • ขัดสครัปข้างละ 5 นาที 
  • ขัดเสร็จแล้วล้างออกให้สะอาด         
  • มาร์คผิวและห่อด้วยแร็ป การห่อแร็ปจะทำให้ครีมหรือโคลนที่มาร์คซึมเข้าผิวหนังได้ดี จะทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น    
  • นำเท้าลูกค้าขึ้นจากอ่างทีละข้าง แล้วใช้วาสลีนทา ดันหนัง ตัดเล็บ ตัดหนัง แต่งทรง   
  • จากนั้นนำแร็ปออก แล้วใช้ผ้าร้อนค่อยๆเช็ดครีมออก
  • นวดคลึงเบาๆ
  • ใช้ออยหรือน้ำมันนวด นวดขา หัวเข่า ฝ่าเท้า เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกสบาย และผ่อนคลาย นวดข้างละ 10 นาทีนะคะ ต้อง 10 นาทีจริงๆ 

Tip! การทำสปามือและเท้า ก่อนทาสีควรเช็ดแอลกอฮอล์หน้าเล็บให้สะอาดไร้ความมันบนหน้าเล็บก่อนทาสีนะคะ เพราะการทำสปาค่อนข้างมีความมันเยอะ ดังนั้นถ้าเช็ดไม่สะอาดจะทำให้สีแห้งยาก


เคล็ดไม่ลับการโกนหนวด

 การโกนหนวด   สำหรับการโกนหนวดที่หลายคนเพิ่งเริ่มหนุ่ม เริ่มจะมีหนวดเครา หรือแม้แต่วัยเก๋าที่โกนทีไรก็ได้แผลทุกที  ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ด้วยความไม่ชำนาญหรือชำนาญแล้วก็ยังโดนบาดอยู่บ่อยๆ ลองนำวิธีนี้ไปใช้ดู เผื่อจะช่วยให้ไม่ต้องฝากแผลไว้บนใบหน้าอีก ^-^
        วิธีที่ 1  ล้างทำความสะอาดบริเวณหน้า คาง คอ หรือบริเวณที่จะโกน แล้วทาครีมโกนหนวด
                2  ใบมีดโกนหนวด แนะนำ ว่าใบมีดที่ใช้โกนหนวดควรมีคมมากๆ ถ้าบางคนใช้ใบมีดเดิมควรล้างทำความสะอาดให้ดีและเก็บในที่แห้ง แต่ไม่แนะนำให้ใช้อันเดิม เพราะถ้าใบมีดมีความคมน้อยเวลาโกนจะทำให้เจ็บ และโกนยาก
                3  เวลาโกนให้เริ่มโกนจากจอนหรือตีนผมข้างใด ข้างใดหนึ่งก่อน โกนลงมาจนถึงคาง จากนั้นให้โกนที่บริเวณใต้จมูกก่อน  เพราะบริเวณใต้จมูกเป็นบริเวณที่ผิวบางมาก แล้วเจ็บง่ายเวลาโกนใบมีดจะมีความคมมากถ้าโกนบริเวณนี้ก่อนจะไม่ค่อยเจ็บ แต่ถ้าเราโกนบริเวณคางก่อนใบมีดจะหมดความคม ทำให้เจ็บ
                4  จากนั้นก็โกนบริเวณคาง เมื่อโกนบริเวณนี้ในส่วนที่เราทาครีมโกนหนวดทิ้งไว้ ตั้งแต่แรกหนวดก็จะเริ่มนิ่ม เวลาโกนก็จะไม่เจ็บ
                5  การจับมีดโกนหนวดอย่าจับแน่นจนเกินไป เพราะเผื่อเวลาพาดไปใบมีดจะได้ไม่เข้าลึก ถ้าถือใบมีดมีดแน่น การหมุนองศาใบมีดจะไม่พริ้ว ดังนั้นการจับใบมีดควรจับเบาๆมือ จับให้ถนัดก็พอไม่ต้องแน่นมากจนเกินไป
แค่นี้การโกนหนวดที่ว่ายากสำหรับมือใหม่ มือเก๋า ก็ทำได้โดยไม่ต้องกลัวว่าใบมีดจะบาดเวลาโกน  
                สำหรับคนที่เป็นสิว สำหรับการโกนหนวดเป็นอะไรที่เจ็บและไม่อยากจะโกนมันเลย เพราะโกนไปแล้วไปโดนสิวนี้เจ็บสุดๆ แนะนำนะคะ ว่าควรบีบมันซะ มันคือเชื้อแบคทีเรียดีๆนี้เอง บีบเสร็จก็ล้างหน้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนโกนหนวดนะจ๊ะ เพราะถ้าตรงที่เป็นสิว เกิดโกนหนวดแล้วมีดไปบาดตรงเป็นสิวพอดี จะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ควรโกนเบาๆหรือเลี่ยงไปก่อนได้ก็จะยิ่งดี

JUTA beauty & nails ความเป็นมา

     สวัสดีค่ะท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน  ที่ท่านได้เปิดมาเจอบล็อกนี้จะด้วยความตั้งใจ หรือด้วยความบังเอิญก็สุดแล้วแต่ ก็ถือว่าเป็นโชควาสนาหรือกรรมที่มีต่อกันจึงได้โคจรมาพบเจอกัน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร  ^-^  เพราะ JUTA  beauty & nails  มีแต่เรื่องราวดีๆมาฝากท่าน ก่อนอื่นก็ต้องขอสวัสดีทุกท่านอย่างเป็นทางการค่ะ ก็ต้องบอกกล่าวเล่าเรื่องให้ฟังกันสักหน่อยก่อนที่จะเป็น JUTA beauty & nails ในวันนี้ได้  เริ่มแรกเดิมทีนั้น   ดิฉันในนามเจ้าของบล็อกเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องสวยๆงามๆหรอกค่ะ  แต่เป็นเพราะสามีบังคับให้เขียน แรกๆก็ทะเลาะกันใหญ่โต ว่าจะให้ทำทำไม วุ่นวายกับฉันจริงๆ แต่พอได้ดูได้รู้ว่าที่เขาทำเพราะเขาต้องการเผยเเพร่ความรู้ให้คนได้เข้ามาอ่านศึกษาหาความรู้ ว่าเธอเองก็มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องผมเรื่องเล็บน่าจะเอามาเขียนได้อ่านกันเล่นๆบ้าง เพื่อมีคนที่เขาไม่รู้กำลังศึกษาหาความรู้ ไม่น่าจะเก็บเอาไว้คนเดียว ตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้ ทะเลาะกันใหญ่โต เราก็นั่งฟังก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะทำหรอก ผ่านไปเป็นเดือนเขาก็ยังพูดอีกจึงลำคานก็เลยลองทำดูเนื่องจากเขาคงเห็นว่ามีเวลาว่างมากเกินไปหรือเปล่า จึงอยากให้ทำ พอทำแล้วมีคนเข้ามาดูก็รู้สึกว่าสนุกดี อยากนำความรู้ที่ศึกษามาเขียนให้คนได้อ่านกัน จึงทำมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันนี้ค่ะ มีเรื่องราวก็อยากจะนำเสนอ ท่านผู้อ่านที่น่ารักที่เข้ามาอ่านบล็อกแล้วได้ความรู้กับไปก็ดีใจด้วย ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อก JUTA beauty & nails ค่ะ

วิธีถอดเล็บอครีลิคและเล็บเจล

      การถอดเล็บอครีลิคและเล็บเจล
          Acrylic & Gel Remover
         สำหรับสาวๆหลายคนที่ชื่นชอบในการต่อเล็บเพ้นท์เล็บ หลังจากที่ต่อเล็บไปแล้วถึงเวลาที่เล็บยาว ควรที่จะถอดพักเล็บกันบ้าง วันนี้เรามีวิธีแนะนำการถอดเล็บมาฝากซึ่งก็ไม่ยากมากในการที่จะถอดเล็บเอง เพราะบางทีไปทำที่ร้านคิวเยอะเสียเวลาไปนั่งรอหรือไม่มีเวลาไปที่ร้าน วันนี้จะมีเทคนิคในการถอดเล็บที่ไม่ทำให้หน้าเล็บเสียไปมากกว่า ไปถอดที่ร้านมาฝากกันค่ะ
  1. ตัดเล็บที่ต่อออกให้หงายมือลูกค้าขึ้นมากดูว่าเล็บลูกค้ายาวแค่ไหน เราจะได้ตัดถูก ไม่ใช่ตัดซะสั้นเลย เพราะการต่อเล็บอครีลิคหรือเล็บเจล เล็บลูกค้าจะมีความยาวอยู่ใต้เล็บที่ต่อดังนั้นเวลาตัดจึงควรตัดเบาๆ อย่าใช้วิธีงัดนะคะเพราะจะทำให้หน้าเล็บเสีย

หงายมือลูกค้าขึ้นเพื่อตัดเล็บ

                                                                                                                                                    
     2. ตะไบหน้าเล็บที่ต่อออกให้บาง ตะไบเบาๆ อย่าตะไบแรง และอย่าตะไบที่เดิมนานๆ เพราะจะทำให้ลูกค้าเจ็บเล็บและร้อนหน้าเล็บ เพราะการที่ตะไบถูไปถูมาเสียดสีกันจึงทำให้เกิดความร้อน
     3. เมื่อตะไบหน้าเล็บเสร็จแล้วปัดฝุ่นออก จากนั้นก็นำสำลีชุปน้ำยาถอดเล็บ ห่อด้วยฟรอยพันทิ้งไว้สัก 10-15 นาที อย่าชุปเยอะเกินไป เพราะจะทำให้น้ำยาไหลออกมาโดนนิ้วลูกค้า บางท่านถ้ามีอาการแพ้ เเสบ หรือแดง ตามนิ้ว ให้รีบเอาน้ำเปล่ามาล้างมือให้ลูกค้าทันที และควรใช้วิธีอื่นแทน เช่นการตะไบให้บางลง อย่าใช้การงัดหน้าเล็บเด็ดขาดเพราะจะทำให้หน้าเล็บเสีย เป็นคลื่น เล็บบาง ควรตะไบได้เท่าที่ทำได้ ถ้ารู้สึกว่าตะไบแล้วร้อนบริเวณหน้าเล็บให้หยุดทำแล้วบอกกับลูกค้าว่า หน้าเล็บของคุณลูกค้าบางมากค่ะ ถ้าถอดคงได้ประมาณนี้ แต่ถ้าลูกค้ายืนยันอยากถอดออกให้หมด ก็ต้องบอกไปว่า ถอดเสร็จหน้าเล็บจะบางและฉีกง่ายนะคะ
     4. เปิดดูฟรอยที่ห่อเล็บว่าเล็บมีการละลายบางหรือเปล่า จากนั้นก็นำฟุตเชอร์หรือที่ดันหนัง ค่อยๆแซะเล็บออก 
     5. จากนั้นตะไบ ตัดแต่ง ทรงเล็บ ขัดเงาให้กับลูกค้า 
     6. นำน้ำอุ่น สบู่ มาล้างทำความสะอาดให้กับลูกค้า
     7. ทาครีมบำรุงผิว
     8. ถ้าลูกค้าต้องการทาสีหรือต่อใหม่ก็ค่อยทำเป็นขั้นตอนต่อไป


       สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการถอดเล็บ












         เสร็จแล้ววิธีการถอดเล็บก็ไม่ยาก และไม่มีอะไรมาก เพียงแต่ค่อยๆทำ ทำบ่อยๆจะเกิด                          ความชำนาญไปเองค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามอ่านในโพสท์หน้าด้วยนะคะ

เล็บขบ วิธีรักษาให้หายทำไงดี

     เล็บขบ  หลายท่านที่เคยเกิดอาการเล็บขบ คงจะทราบกันดีว่าทั้งเจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหน โดยเฉพาะถ้ามีหนองด้วยแล้วล่ะก็ คงไม่ต้องบรรยายเรื่องความเจ็บปวดว่าทรมานแค่ไหน แล้วยิ่งเป็นหนองอีกแตกขึ้นมาล่ะก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเจ็บๆจนน้ำตาแทบไหลกันเลยทีเดียว ทรมานมากๆค่ะ รู้อย่างนี้แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะถึงจะไม่เป็นเล็บขบ ลองมาศึกษากันดูถึงสาเหตุ อาการ วิธีการรักษาป้องกันไม่ให้เกิดเล็บขบกันดีกว่า ว่าจะทำไงไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะเป็นแล้วกว่าจะหายก็นานพอสมควร



     เล็บขบ หรือ เล็บคุด (Nail bite or ingrown nails) คือ อาการที่เกิดขึ้นคือปลายเล็บของเราจิกเข้าไปยังซอกเล็บบริเวณด้านข้างจึงทำให้เกิดอาการอักเสบ บวม จนเป็นแผลอักเสบและหนองในที่สุด  ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับเล็บเท้า ถ้าหากไม่ได้รักษาก็จะทำให้เนื้อเยื่องอกขึ้นมาสร้างความเจ็บปวดทรมานเวลาเดินไปไหนมาไหนก็ปวดทรมาน และยิ่งหากบริเวณที่เกิดเล็บขบนั้นมีหนองไหลออกมาก็จะยิ่งสร้างความเจ็บปวดแก่ผู้เป็นเล็บขบทวีคูณจนอาจถึงขั้นต้องถอดเล็บออกเลยก็มี ฉะนั้นเล็บขบจึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่หลายคนคิดว่าเป็นๆหายๆ บางคนถึงกับเดินไม่ได้ก็มีเพราะอาการปวดเรื้อรัง ดังนั้นวิธีการรักษาตั้งแต่ต้นเหตุ หน้าจะเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด

   การแก้ที่ต้นเหตุหน้าจะเป็นการใส่รองเท้า การใส่รองเท้าก็มีส่วนที่ทำให้เกิดเล็บขบ ผู้ชายกับผู้หญิงเทียบกันแล้ว ว่าใครเป็นเล็บขบมากกว่ากัน บอกได้เลยว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายใส่รองเท้าทำงานทั้งวันไม่มีถอดหรือมีรองเท้ามาเปลี่ยนในที่ทำงานเหมือนผู้หญิงฉะนั้นการที่แบคทีเรียหรือเชื้อโรคจะสะสมหน้าจะมากกว่าผู้หญิงหลายเท่า เพราะผู้ชายส่วนมากก็มักจะมีคู่โปรดแค่คู่เดียว หรือบางท่านอาจจะมากกว่าแต่ก็คงจะสู้ผู้หญิงไม่ได้ เพราะผู้หญิงรองเท้านี่ต้องเยอะแน่นอน หน้าจะวันละคู่ดังนั้นการที่จะสะสมแบคทีเรียหน้าจะน้อยกว่าผู้ชาย ดังนั้นการเกิดเล็บขบจึงค่อนข้างน้อยกว่าผู้ชายแต่ถึงยังไงก็เป็นเหมือนกัน การจะรักษาไม่ให้เกิดเล็บขบควรหารองเท้าที่พอดีเท้า ไม่คับเกินไป ไม่บีบข้างหน้าเกินไป

   การตัดเล็บก็มีส่วนที่ทำให้เกิดเล็บขบ การตัดเล็บควรตัดเล็บให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม สำหรับคนที่เล็บเท้ามีหนังหุ้มเยอะ เพราะการตัดเล็บแบบโค้ง จะทำให้เล็บที่งอกขึ้นมาใหม่ไม่ยาว เพราะหนังหุ้มเยอะ พอจะยาวก็ทิ่มเนื้อด้านข้าง จึงทำให้เกิดเล็บขบ แต่ถ้าเล็บปกติทั่วไปก็ควรตัดให้สั้นเสมอหนังตรงปลายก็พอ ถ้าไว้ยาวเวลาใส่รองคัดชูอาจจะกดทำให้เจ็บเล็บ และอักเสบได้



          การตัดเล็บที่ถูกวิธี  ควรตัดตามภาพ รูปที่  1  เพราะตัดเสมอกับปลายเล็บพอดี ส่วน รูปที่  2  ตัดมุมข้างเล็บ  รูปที่  2  ถ้าใครที่หนังเยอะไม่ควรตัดเพราะจะทำให้เล็บที่จะงอกใหม่ทิ่มเนื้อด้านข้างได้ โอกาส ที่จะเกิดเล็บขบก็จะสูงกว่าคนที่เล็บธรรมดา
                                                                                     
         รักษาสุขภาพกายและใจที่ดี ควรเริ่มตั้งแต่เล็บมือเล็บเท้าที่สะอาดและไม่เจ็บปวด  

แนะนำการเปิดร้านตัดผมชาย

     แนะนำการเปิดร้านตัดผมชายกันหน่อยนะคะ เกี่ยวกับอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ ที่ใช้กันในร้านทั่วๆไป
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมเปิดร้านทำผมเสริมสวยมากกว่าตัดผมชาย แต่หารู้ไม่ว่าร้านตัดผมชายนั้นลูกค้าเยอะกว่าร้านเสริมสวยซะอีก เพราะอย่างน้อยๆ 3-4 อาทิตย์ก็ตัดผมทำสีปิดผมขาวแล้วสำหรับท่านที่มีอายุมาก หรือแม้แต่วัยรุ่นก็นิยมทำสีกันในปัจจุบัน แต่ผู้หญิงเป็นปีก็ยังไม่ตัดผมเลยนะคะ ฉะนั้นเผื่อเป็นแนวทางสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการออกแบบดีไซต์ทรงผม เผื่อวันนึงอยากจะเปิดร้านเป็นของตัวเอง เก๋ๆ เท่ๆ สไตท์ไม่เหมือนใคร เลยอยากนำอุปกรณ์ที่ใช้เปิดร้านตัดผมชายมาฝากกัน ซึ่งอุปกรณ์ก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย ฝีมือเท่านั้นแหละสำหรับอาชีพตัดผมท่านชาย
     สำหรับอุปกรณ์ก็ไม่มากค่ะลองดูกัน

  • ปัตตาเลี่ยน
  • เก้าอี้ตัดผมชาย
  • โซฟารับแขก
  • หวีรองตัดผมมีหลายแบบ ฯลฯ
  • ผ้าคลุมซอย
  • ผ้าคลุมทำสี
  • ผ้าขนหนูสำหรับทำสี
  • ผ้าขนหนูทำผม
  • กิ๊ปหนีบผม
  • ไฟหมุน
  • ป้ายร้าน
  • เตียงสระผม+อ่างสระ
  • เก้าอี้ช่าง
  • ชั้นวางอุปกรณ์
  • รถเข็น
  • ไดร์เป่าผม
  • กระจกติดร้าน
  • แป้งทาคอ
  • น้ำมันจักร (ไว้สำหรับใส่ปัตตาเลี่ยน)
  • กรรไกรตัดผม
  • กรรไกรซอย (กรรไกรฟันปลา)
  • หวีเล็ก
  • หวีใหญ่
  • พู่กันปัดผม
  • ด้ามใบมีดโกนหนวด
  • ใบมีด
  • โฟมทากันผม+กันหนวด
  • กระบอกฉีดน้ำ          
  • ตู้โชว์
  • กล่องใส่ใบมีด                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                    
                                                                                                                        อุปกรณ์ก็ไม่มากลองดูค่ะเผื่อสนใจอยากเปิดร้านตัดชาย จะได้รู้ว่าอุปกรณ์มันไม่มีอะไรมาก รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็หาตกแต่งเพิ่มเติมกันอีกตามแต่ชอบกันเลยจร้า อาจจะขาดตกบกพร่องไปเม้นท์บอกด้วยล่ะกัน ยินดีรับคำติชม วันนี้ลาไปแล้ว ฝากติดตามโพสท์หน้ากันดูนะคะว่าจะมีอะไรมาให้ได้อ่านเล่นๆกันอีก >>>                                                                                                                                                     

แนะนำการเปิดร้านทำผม เสริมสวย

     การเปิดร้านเสริมสวย ซึ่งปัจจุบันนี้ค่อนข้างเปิดกันเยอะมาก ไม่ว่าจะเสริมสวยหญิง หรือตัดผมชายก็หน้าจะเยอะพอๆกัน บางคนประสบการณ์ยังน้อยก็มีแต่เรียนจบแล้วก็อยากเปิดเป็นของตัวเอง นั้นจึงเป็นปัยจัยนึงที่ทำให้ร้านเสริมสวยค่อนข้างเยอะในปัจจุบันนี้ วันนี้จึงอยากจะแนะนำอุปกรณ์เกี่ยวกับร้านทำผมมาฝากกันสักหน่อย เผื่อเป็นแนวทางในการซื้อของใช้ ผลิตภัณฑ์เข้าร้านมาฝากกันค่ะ
     ผลิตภัณฑ์ของใช้ในร้านเสริมสวย
  • โซฟารับแขก
  • กระจกติดร้าน
  • เตียงสระ
  • ฝักบัวสระผม
  • รถเข็นทำผม
  • ไดร์เป่าผม
  • เครื่องหนีบผม
  • เครื่องม้วนผม
  • เครื่องอบไอน้ำ
  • เครื่องดัดผม
  • ผ้ารองคอสำหรับสระผม
  • ผ้าคลุมซอยผม
  • ผ้าคลุมทำสี
  • ผ้าสำหรับสระผม
  • ผ้าสำหรับทำสี
  • กิ๊ปหนีบผม
  • ผ้าคลุมศีรษะ
  • แร็ปคลุมศีรษะ
  • ฟรอย
  • ผงฟอกสีผม
  • ถุงมือ
  • เก้าอี้นั่งทำผมสำหรับลูกค้า
  • เก้าอี้นั่งสำหรับช่าง
  • กรรไกรตัดผม
  • กรรไกรซอย (กรรไกรฟันปลา)
  • แชมพู
  • ครีมนวด
  • ทรีตเมนต์บำรุงผม
  • ทรีตเมนต์ล้างสารเคมี
  • ถ้วยผสมสี
  • สีทำผม
  • แปรงทำสี
  • หวี ฯลฯ
  • แกนดัดผม ไซต์ต่าง
  • กระดาษพันแกน
  • น้ำยาดัด
  • น้ำยาโกรก
  • ขวดใส่น้ำยาดัด
  • ขวดใส่น้ำยาโกรก
  • ไฟหมุน
  • ป้ายร้าน
เยอะแยะกันเลยทีเดียวสำหรับอุปกรณ์ทำผม เครื่องมือทำมาหากิน นับว่าเปิดร้านทีก็ต้องเตรียมให้ครบ และอุปกรณ์ตกแต่งร้านก็สำคัญไม่น้อย ลองดูค่ะค่อยๆเป็น ค่อยๆไป แรกๆอาจจะเหนื่อยหน่อย ต่อไปอาจจะสบาย วันนี้เหนื่อยพรุ่งนี้สบายเป็นกำลังใจให้นะคะ ^^

แนะนำการเปิดร้านทำเล็บทำสปา

     การเปิดร้านทำเล็บทำสปา  ซึ่งโพสต์ที่แล้วเราได้แนะนำในการเปิดร้านทำเล็บแบบธรรมดาไปแล้ว วันนี้จึงอยากนำเสนอร้านทำเล็บทำสปาที่ใหญ่กว่าเดิมมาฝากกันค่ะ เผื่อเป็นแนวทางในการเปิดร้านสปาสำหรับคนที่สนใจ ซึ่งถ้าพูดถึงร้านสปาทำเล็บก็ต้องมีต่อเล็บเพ้นท์เล็บใช่ไหมค่ะ ซึ่งอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ในการซื้อเข้าร้านก็เยอะพอสมควร แต่บางทีการที่คิดคนเดียวว่าจะซื้ออะไรเข้าร้านบ้างอาจจะหลงลืมกันบ้าง วันนี้จึงอยากแนะนำสำหรับท่านที่สนใจ
     อุปกรณ์ที่ต้องซื้อเข้าร้านมีดังนี้ค่ะ


  • โซฟารับแขก
  • โต๊ะนั่งเพ้นท์เล็บ+ต่อเล็บ
  • เก้าทำสปา พร้อมอ่างทำสปาเท้า
  • ตู้โชว์สีทาเล็บ
  • ตะกร้าใส่ชาร์ตสี
  • เก้าอี้นั่งทำเล็บสำหรับลูกค้า
  • สีทาเล็บ



  • ชาร์ตสี (ทาสีไว้ให้ลูกค้าเลือกสี)
  • เก้าอี้นั่งสำหรับช่าง
  • หมอนรองแขนลูกค้า
  • รถเข็นทำเล็บมือ
  • รถเข็นทำเล็บเท้า
  • อ่างใส่น้ำทำเล็บมือ (กะละมัง)

                                                                                                                                                                                         
  • ผ้าขนหนูสำหรับเล็บมือ
  • ผ้าขนหนูสำหรับเล็บเท้า
  • ผ้ายางรองทำเล็บมือ+เท้า
  • ตู้สเตอร์ไล (ตู้อบฆ่าเชื้อ)
  • ตู้อบผ้าร้อน (สำหรับทำสปา)
  • วาสลีนสำหรับทำเล็บ
  • เครื่องแต่งขอบเล็บ




  • โคลนมาร์คผิว
  • แร็ป (ไว้พันแขน+ขา ตอนมาร์คโคลน)
  • หม้อต้มพาราฟิน มือ+เท้า (ขี้ผึ้งไว้สำหรับบำรุงผิว)
  • พาราฟิน
  • แปรงขัดเล็บมือ+เท้า
  • กรรไกรตัดเล็บ
  • กรรไกรตัดหนัง
  • ตะไบเเต่งเล็บ                                                                                             
                                                                                                                                                                    
  • ตะไบขัดเล็บแบบเงา
  • ตะไบหยาบขัดส้นเท้า
  • ที่ปัดฝุ่นเล็บมือ+เท้า (ใช้ตอนตะไบเล็บเสร็จมันจะเป็นฝุ่น)
  • ที่กันเล็บเท้า
  • เกลือสครับผิว
  • สีทาเล็บสีรองพื้นเล็บ หรือเบสโค้ด
  • สีเคลือบเงา  หรือท็อปโค้ด
  • ไม้จิ้มเพชร
  • น้ำยาถอดเล็บ


     
    น้ำยาล้างเล็บ
  • สำลี
  • แอลกอฮอล์
  • สีเพ้นท์เล็บ
  • จานผสมสี
  • สีอครีลิค (สำหรับเพ้นท์เล็บ)
  • ฟรอมใส่ต่อเล็บ
  • น้ำยาต่อเล็บ (น้ำยาโมโนเมอร์ MONOMER)
  • น้ำยาเชื่อมเล็บ (PRIMER)
  • ผงต่อเล็บอครีลิค White สีขาว Pink สีชมพู  Clear สีใส
  • พู่กันปั้นดอกไม้
  • สีปั้นดอกไม้
  • แก้วใส่น้ำยาโมโนเมอร์
  • ฟรอย (สำหรับห่อถอดเล็บ)
  • กันเชื้อรา (EzyBrond)
  • พู่กันต่อเล็บอครีลิค
  • พู่กันเพ้นท์เล็บ
  • แก้วน้ำ (สำหรับล้างพู่กันเพ้นท์เล็บ)
  • พัดลมเป่าเล็บ หรือเครื่องไดร์เออร์
  • เครื่องอบเล็บ (UV NAIL)
  • เจลต่อเล็บ
  • เล็บปลอม
  • กาวติดเล็บปลอม
  • กรรไกรตัดเล็บปลอม
  • เจลสำหรับต่อเล็บ
  • พู่กันต่อเล็บเจล
  • สีเจลทาเล็บ
  • สติ๊กเกอร์การ์ตูนติดเล็บ
  • เพชรติดเล็บ
  • พัดลม (เครื่องเป่าเล็บ)
  • ด้ามมีดขูดส้นเท้า
  • ใบมีด
  • กระปุกใส่สำสี
  • ขวดปั้มใส่น้ำยาล้างเล็บ
  • ขวดปั้มใส่แอลกอฮอล์
  • ขวดสเปร์ยฉีดใส่แอลกอฮอล์
  • กระดาษทิชชูไว้รองต่อเล็บ
  • เจลฆ่าเชื้อล้างมือ
  • ที่กันนิ้วเท้า
  • ที่ติดเล็บต่างๆ ฯลฯ
เยอะมากค่ะอุปกรณ์ ซึ่งถ้านั่งนึกคนเดียวก็หลายวันกว่าจะซื้อครบ และของตกแต่งร้าน เก๋ๆ เล็กๆอีกนับไม่ได้จริงๆค่ะว่าจะต้องซื้ออะไรเข้าร้านบ้าง ^_^
อาจจะลืมไปบ้างแต่ก็หน้าจะเป็นข้อมูลได้เยอะพอสมควร ขาดอะไรไปเม้นท์บอกกันบ้างนะคะ บ๊าย บาย โชคดีกับการเปิดร้านใหม่จ้าาาาาา

แนะนำการเปิดร้านทำเล็บแบบธรรมดา

     การเปิดร้านทำเล็บแบบธรรมดา  ซึ่งสาวๆหลายคนที่ชื่นชอบในการทำเล็บมากจนอยากเปิดเป็นร้านเล็กๆของตัวเอง ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำของใช้ อุปกรณ์ในการทำเล็บ ร้านเล็กๆที่ใครๆก็อยากจะเป็นเจ้าของ และสามารถเป็นได้ง่ายๆ ซึ่งต้นทุนก็ไม่เยอะ แต่ถ้าทำใหญ่ๆ อาจจะราคาสูงพอสมควร
วันนี้เอาร้านเล็กๆมาฝาก โพสต์ต่อไปจะแนะนำเป็นร้านสปาทำเล็บที่ใหญ่กว่านี้มาฝากค่ะ
     ก่อนอื่นควรหาที่ทางหรือทำเลนั้นเอง  ซึ่งก็ต้องดูว่าที่ๆเราจะเปิดเป็นแหล่งชุมชนรึเปล่า อย่างร้านทำเล็บก็ต้องดูด้วยว่าควรเปิดแถวไหน คนถึงจะทำเล็บ เพ้นท์เล็บ เช่นแถวมหาลัย  หอพักพนักงานโรงงาน  หอพักนักศึกษา ในหมู่บ้านจัดสรร แถวตลาด ในเมือง ฯลฯ  ก่อนที่จะเปิดเราลองไปดูแต่ละที่ว่ามีคนเยอะไหม มีแรงจ่ายไหม อย่างเช่นถ้าแถวโรงงานอาจจะไม่ค่อยเวิร์คเท่ากับเปิดร้านเสริมสวย เพราะคนโรงงานส่วนมากไม่ค่อยทำเล็บกันสักเท่าไหร่ ถ้าเปิดแถวโรงงานต้องทำใจนิดนึงค่ะ จะมาแถวๆต้นเดือนกับสิ้นเดือน กลางๆเดือนหน้าจะเงียบ แต่ก็ลองดูค่ะ
     ร้านขายอุปกรณ์เสริมสวยทำเล็บ ดูหลายๆที่หน่อยนะคะ เพราะแต่ละร้านราคาไม่เหมือนกัน บางร้านถูกแต่ไม่มีบริการส่ง บ้างร้านแพงมีบริการส่ง มีส่วนลดมีของแถม ก็แล้วแต่ร้าน ไม่เหมือนกัน ดังนั้นควรดูราคาร้านนั้น ร้านนี้เพื่อเปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนซื้อค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจที่หลังว่าร้านนั้นแพง ร้านนี้ถูก
     อุปกรณ์ที่ต้องซื้อเข้าร้านมีดังนี้ค่ะ
  • โซฟารับแขก
  • เก้าอี้นั่งทำเล็บสำหรับลูกค้า
  • เก้าอี้นั่งสำหรับช่าง
  • หมอนรองแขนลูกค้า
  • รถเข็นทำเล็บ
  • อ่างใส่น้ำเล็บมือ+เท้า (กะละมัง)
  • ผ้าขนหนูสำหรับเล็บมือ
  • ผ้าขนหนูสำหรับเล็บเท้า
  • ผ้ายางรองทำเล็บมือ+เท้า
  • วาสลีนสำหรับทำเล็บ
  • สบู่
  • แปรงขัดเล็บมือ+เท้า
  • กรรไกรตัดเล็บ
  • กรรไกรตัดหนัง
  • ตะไบเเต่งเล็บ
  • ตะไบขัดเล็บแบบเงา
  • ตะไบหยาบขัดส้นเท้า
  • ที่ปัดฝุ่นเล็บมือ+เท้า (ใช้ตอนตะไบเล็บเสร็จมันจะเป็นฝุ่น)
  • เกลือสครับผิว
  • สีทาเล็บ
  • สีรองพื้นเล็บ หรือเบสโค้ด
  • สีเคลือบเงา  หรือท็อปโค้ด
  • น้ำยาล้างเล็บ
  • สำลี
  • แอลกอฮอล์
  • สีเพ้นท์เล็บ
  • จานผสมสี
  • พู่กันเพ้นท์เล็บ
     เห็นไหมค่ะว่าอุปกรณ์ก็ไม่เยอะและไม่ยากมากสำหรับคนรักเล็บ
โพสต์ต่อไปจะแนะนำร้านทำเล็บทำสปาที่ใหญ่และหน้าจะลงตัวสำหรับคนที่ชื่นชอบในการทำเล็บ

วิธีรักษาผมแตกปลาย และบำรุงรักษาเส้นผมให้เงางาม

การรักษาผมที่แตกปลายและรักษาผมให้เงางาม  มีหลายวิธีมากจนไม่รู้จะนำวิธีไหนมาทำดี เพราะที่นำมาทำไม่ค่อยเห็นผลสักเท่าไหร่ วันนี้เรามีเกล็ดความรู้จากการรักษาผมที่แตกปลาย และบำรุงเส้นผมให้เงางามมาฝากกันค่ะ อาจจะเป็นวิธีง่ายๆ ของใช้ติดบ้านที่ไม่ต้องเสียตังค์หาซื้อผลิตภัณฑ์ให้วุ่นวาย อาจจะได้ผลไม่มากก็น้อยเลยที่เดียวสำหรับคนรักผม
ไปดูเคล็ดลับความงามของเส้นผมกันเลยค่ะ
  • เกลือ+น้ำอุ่น วิธีนี้รักษาอาการผมร่วง นำเกลือกับน้ำอุ่นผสมกันแล้วนำมาหมักผม ทิ้งไว้สัก 5-10 นาที หรือมากกว่านั้นก็ได้ จากนั้นล้างออกให้สะอาด แล้วสระผมค่ะ
  • น้ำมันมะกอก วิธีนี้รักษาอาการผมแห้งแตกปลาย ก่อนสระผมหมักทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมง หรือมีเวลาน้อยก็หมักสัก 5-10 นาทีก็ได้ตามสะดวกเลยค่ะ อาจจะหมักก่อนนอนก็ได้ทาปลายผมแล้วรวบหลวมๆมัดไว้แล้วก็นอนตื่นมาค่อยสระ หรือถ้าจะหมักตอนเช้าก่อนไปทำงาน กลัวว่าคนมองว่าศีรษะมัน เราก็ทำตอนเย็นจะดีกว่าค่ะ
  • เบบี้ออย สูตรนี้ดีมากค่ะ ไม่ว่าจะบำรุงผิวแห้ง ปากแห้ง ข้อศอก หัวเข่า เช็ดเครื่องสำอางค์ แถมยังนำมาหมักผมได้อีก มีติดบ้านไว้ perfect ที่สุดวิธีทำก็เหมือนกับน้ำมันมะกอกเลย
  • เบียร์+ไข่แดง ไข่แดงอย่างเดียวนะคะ อันนี้บอกเลยว่าดีไม่ต่างกันค่ะหมักแล้วค่อยสระ แต่ล้างให้สะอาดๆก่อนสระผมนะคะ ไม่งั้นจะคาวไข่ได้   วิธีผสมไข่ไก่เอาแต่ไข่แดงนะคะ 1 ฟอง กับเบียร์ 1 ถ้วย ผสมให้เข้ากันทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยนำมาหมักผม หมักทิ้งไว้สัก 15-20 นาที ล้างออกให้สะอาดสระผมและหมักทรีตเมนต์ตามต้องการ
  • มะนาว+ไข่ขาว วิธีนี้รักษาหนังศีรษะมัน สำหรับคนที่ผมมันเร็ว ควรใช้สูตรนี้ค่ะ ลดปัญหาผมมันได้เป็นอย่างดี วิธีผสมนำมะนาว 1 ลูก ผสมกับไข่ขาวสัก 2 ฟองแล้วแต่คน ผมยาวผมสั้นค่ะ ผมสั้นอาจจะใช้แค่ลูกเดียว ผสมให้เข้ากัน แล้วนำมานวดชโลมผมทิ้งไว้สัก 15-20 นาที หรือสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ค่ะถ้ามีเวลา และในน้ำมะนาวยังมีวิตามินC ดังนั้นทำวิธีนี้น่าจะได้ผลดี สูตรนี้ควรทำสัปดาห์ละครั้ง จะช่วยลดปัญหาความมันของหนังศีรษะลงได้ค่ะ
  • โยเกิร์ต+ไข่ไก่+น้ำผึ้ง สูตรนี้บำรุงเส้นผมให้เงางามมีน้ำหนัก  นำไข่ไก่ 1 ฟองโยเกิร์ตครึ่งถ้วยและน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน (ไข่ไก่ใช้ทั้งฟองเลยค่ะ) จากนั้นหมักทิ้งไว้สัก 30 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเปล่า ไม่ควรใช้น้ำอุ่นนะคะ จะทำให้ผมแห้ง มากกว่าน้ำธรรมดา
  • น้ำมันมะพร้าว สระผม 1 รอบ ล้างออกให้สะอาด จากนั้น นำน้ำมันมะพร้าวมาชโลมทิ้งไว้ 5-10 นาที จากนั้นล้างออก สระผมอีก 2 รอบ ล้างให้สะอาดครีมนวดผมตามต้องการเลยค่ะ
เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ก่อนจะทำการบำรุงเส้นผมสำหรับคนที่ผมเสีย หรือ แห้งแตกปลายแตกมาก ควรตัดปลายผมออกสักเล็กน้อยก่อนที่จะทำการบำรุง
Tip: การสระผมหรือหมักผม ทุกครั้งที่เราสระหรือหมัก ควรจะล้างน้ำธรรมดา เพราะน้ำอุ่นจะทำให้ผมแห้งมากกว่าน้ำธรรมดา และทุกครั้งที่สระควรล้างผมให้สะอาดไปที่ละครั้ง เพราะถ้าสระครั้งแรกก็ล้างไม่สะอาด สระครั้งที่ 2 ก็ล้างไม่สะอาด มันสะสมค่ะ ควรล้างออกให้สะอาดไปที่ละน้ำเลย ไม่ต้องคิดว่าล้างให้สะอาดตอนล้างครีมนวดผม วิธีคิดนี้เป็นวิธีคิดที่ผิดค่ะ วันนี้ก็นำเกล็ดความรู้เล็กๆน้อยๆมาฝาก ลองนำไปทำกันดูนะคะ โพสต์หน้าจะมาแนะนำอะไรอีก ฝากติดตามด้วยนะคะ

การเพ้นท์การ์ตูนบนเล็บเท้า

การเพ้นท์การ์ตูนบนเล็บเท้า  ลายมินเนี่ยน วันนี้ลองนำเล็บเท้ามาฝากกันค่ะ เพื่อใครที่สนใจแนวศิลปะที่ต้องใช้ความสามารถในการเพ้นท์ ลายนี้คุณต้องมีความสามารถเฉพาะตัวเลยจริงๆค่ะ นำรูปมาให้ดูแล้วก็จะไม่แนะนำวิธีทำก็ยังไงๆอยู่ งั้นไปดูขั้นตอนการวาดเลยค่ะว่ายากง่ายแค่ไหน
v
v
v




  • เล็บอื่นๆ อีก 8 นิ้ว ทาสีน้ำเงินค่ะ
  • ส่วนเล็บนิ้วโป้งทาสีเหลือง
  • วาดตาเป็นวงกลมสีดำ 2 ข้าง สีขาวไฮไลท์ด้านข้างเล็กน้อย ใส่สีเงินข้างๆสีขาว ตาจะได้ดูเป็นประการ ใส่จุดสีขาวตรงกลาง
  • ใส่แว่นตาให้สีดำ
  • เติมปากด้วยสีดำ อยากให้เป็นมินเนี่ยนผู้หญิงก็ทาปากสีชมพู แล้วแต่คนชอบค่ะ
  • ใส่กระโปรงสีน้ำเงินให้ ตัดขอบกระโปรงด้วยสีดำ
  • รอสีเพ้นท์แห้งสนิท
  • จากนั้นลงท็อปโค้ดหรือเคลือบเงา เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ

โพสต์ หน้าเจ๊juta-beauty จะนำอะไรมาฝากอีกต้องติดตามตอนต่อไปจร้าาาา>>>

การติดสติ๊กเกอร์อย่างไร ไม่ให้ดูเยอะ

การติดสติ๊กเกอร์อย่างไร ไม่ให้ดูเยอะ!   การติดสติ๊กเกอร์อย่างไร ไม่ให้ดูเยอะ วันนี้มีมาฝากกันอีกแล้วค่ะ สติ๊กเกอร์มีแต่น่ารักๆ ทั้งนั้นเลย ลายนั้นก็อยากได้ ลายนี้ก็อยากได้  วันนี้ต้องห้ามใจไว้ก่อนค่ะ เพราะติดเดี๋ยวเดียวมันก็หลุด ไม่ต้องไปซีเรียสกับมันมากไป หลุดก็ทำใหม่ติดใหม่ไม่ยากเลยค่ะ วันนี้เลยนำรูปติดสติ๊กเกอร์แบบเก๋ๆ ที่ไม่ต้องเยอะมาฝาก เพื่อจะได้ไอเดียนำไปทำกันค่ะ 







เห็นไหมค่ะ ว่าการติดสติ๊กเกอร์ไม่จำเป็นต้องติดเยอะเลย ติดแค่นี้ก็น่ารัก สวยเก๋แบบหวานๆ กันเลยทีเดียว ลองไปหาสติ๊กเกอร์น่ารักๆ มาลองทำกันเล่นดูนะคะ 
Tip:ทาสีให้แห้งสนิทก่อนนะคะค่อยติดสติ๊กเกอร์ ไม่งั้นหลุดเละ ไม่เป็นท่าเลย ติดให้สติ๊กเกอร์แนบกับเล็บให้สนิทดีๆนะคะ ถ้าสติ๊กเกอร์เปิด กาวมันไม่ติดแนะนะให้ทากาวลงไปก่อนนะคะแล้วค่อยๆกดไว้ สัก 10 วินาที รอให้กาวแห้ง ทาเคลือบเงาหรือท็อปโค้ดไว้ด้วยนะคะ สติ๊กเกอร์จะได้ไม่หลุดง่าย "-"
ดูกันต่อค่ะว่าคราวหน้าจะมีอะไรมาให้ได้ลองทำกันอีก>>>


วิธีการทาสีลายหินอ่อน

การทาสีลายหินอ่อน  การทาสีลายนี้เป็นลายที่คลาสสิคมากค่ะ และการทำค่อนข้างยากนิดนึงกว่าจะออกมาให้สวย แต่ถึงยังไงก็นำเอาเคล็ดลับการทำมาฝากสำหรับคนที่อยากทำ อยากลอง ฝึกไว้ไม่เสียหายอะไร ทำไม่ได้ก็ลบออกแล้วทาใหม่ เหนื่อย ขี้เกียจก็เลิกทำ ขยันเมื่อไหร่ก็ทำต่อค่ะ จะไปอยากอะไร เล็บเราเอง ^^ 
ไปดูวิธีการทำกันดีกว่าว่าจะยากเหมือนที่บอกรึเปล่าค่ะ




ยกตัวอย่างตามรูปเลยละกัน  อันดับแรกเลยที่ต้องแนะนำเลยคือทาสีรองพื้นหรือเบสโค้ดค่ะ จากนั้นทาสีเทาค่ะ 1 รอบ รอแห้ง นำสีขาว สีเทา สีดำ หยดลงไปบนเล็บอย่างละ 3 หยด ยกเว้นสีดำหยดสีลงไปแค่หยดเดียวก็พอค่ะ แล้วนำไม้จิ้มฟันค่อยๆเกลี่ยไปมา (เบามือให้มากที่สุดนะคะตอนเกลี่ยสีเพราะจะไปโดนสีพื้น) เป่าพัดลมให้แห้งสนิททาสีเคลือบเงาหรือท็อปโค้ดเป็นอันเสร็จค่ะ ง่ายรึยากค่ะแค่นี้แหละวิธีการทำ ลองไปทำดูค่ะ ออกมาแบบไหน เอารูปมาลงคอมเม้นท์ให้ดูด้วยนะคะ 
สำหรับคนที่จะทาสีเจล ก็ไม่ยากค่ะ ทาเบสโค้ดอบ UV 30 วินาที ทาสีเทา 2 รอบ รอบแรกอบ UV 30 วินาที รอบ 2 อบอีก 30 วินาทีเหมือนกัน จากนั้นหยดสีขาว สีเทา สีดำ เหมือนกันกับสีธรรมดากัน เพียงแต่ทาเสร็จต้องรีบอบ UV ไม่งั้นสีเจลไหลออกข้างเล็บค่ะ และทำให้สีเล็บไม่ทน อาจจะล่อนได้ง่ายมากเพราสีเจลเก็บงานยากนิดนึงค่ะถ้าเลอะ เพราะฉะนั้นควรระวังและตั้งใจทำเป็นอย่างมาก  ทาท็อปโค้ดเจลอบ UV สัก 120 วินาที เช็ดหน้าเล็บด้วยแอลกอฮอล์ ทาออยและโลชั่นบำรุงเล็บกันด้วยนะคะ เพราะการอบ  UV เหมือนกับเราตากแดดดีๆนี่เอง UV ไม่อันตรายแต่ถ้าเราทำเล็บอบบ่อย สำหรับคนผิวบอบบางอาจเป็นฝ้า กระ หรือโรคผิวหนังได้ ดังนั้นเมื่อทำเสร็จควรล้างมือแล้วบำรุงเล็บมือให้ดีด้วยนะคะ สำหรับคนที่ไม่แพ้ง่ายก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป สนุกกับการทำเล็บให้มากๆค่ะ  เจอกันอีกโพสต์หน้าจร้าาา>>>

เล่นกับสีอย่างไรให้สวยเก๋

การทำเล็บที่ล้ำสมัยสำหรับคนรักเล็บ   วันนี้เรานำเล็บแบบไม่เหมือนใครมาให้ลองทำเล่นกันค่ะ สำหรับสาวๆที่รักสวยรักงาม โดยเฉพาะเล็บมือที่บางคนขาดสีบนเล็บไม่ได้ บางคนจะพักเล็บก็อายเพราะหน้าเล็บเหลือง ถ้าคุณเป็นคนนึงที่ขาดสีบนเล็บไม่ได้ งั้นเราก็หาสีมาทำเล็บกันต่อเลยดีกว่าค่ะ บางคนจะพักเล็บพอผ่านไปหนึ่งวัน ทนดูเล็บตัวเองไม่ได้ก็ต้องหาสีมาทาอยู่ดี วันนี้ลองไปดูกันค่ะ ว่า เจ๊juta-beauty เค้ามีลวดลายเล็บสวยเก๋แค่ไหนมาฝากกันค่ะ


 


วิธีการทาบอกเลยว่าง่ายจริงๆค่ะ  เริ่มจากการหาสีก่อนนะคะ เพราะสีที่ใช้ทาคือสีแตก ไปที่ร้านขายของทำเล็บหรือร้านเสริมสวยค่ะ หาสีที่ชอบมาก่อนเลยอันดับแรก จากนั้นเริ่มต้นโดยการทาสีเบสโค้ดหรือสีรองพื้นเพื่อไม่ให้เล็บเหลือง
ขั้นตอนการทำไปดูเลยค่ะ  ยกตัวอย่างจากรูปข้างต้นนี้นะคะ ทาสีพื้นสีขาว 1 รอบ ทาให้เนียนเลยนะคะ อาจจะหนาหน่อยไม่เป็นไร จากนั้นรอให้สีแห้งสนิทค่ะ (ทำไมถึงต้องทารอบเดียว เพราะรอบเดียวถึงมันจะหนาแต่ก็หนาไม่เท่าการทา 2 รอบค่ะ) พอสีที่ทาเริ่มแห้ง เราก็เอาสีแตกทาค่ะ โดยการทาจะให้สีออกมาแบบรูปนี้ เราทาแบบกากบาท X คือทาทับกัน ไม่ได้ใช้วิธีการทาจากโคนเล็บลงมา การทาแบบจากโคนเล็บลงมา การแตกของสีจะไม่ค่อยสวยเท่ากับการทาทับกันเป็นรูปกากบาท X ค่ะ แค่นี้ก็เสร็จแล้วรอแห้งสัก 5-10 นาที ลงเคลือบเงาหรือท็อปโค้ดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เห็นไหมค่ะว่าการทำนั้นไม่ยากเลย ลองฝึกทำบ่อยๆนะคะ จะได้ชำนาญ  ไปแล้วค่ะพบกันโพสต์หน้ามีความสุขกับการทำเล็บกันมากๆค่ะ^-^ 

วิธีทาสีเล็บ

เคล็ดลับที่ไม่ลับในการทาสีเล็บให้สวยเก๋เหมือนมืออาชีพ

1.ทาน้ำยารองพื้นเล็บ  เคลือบเล็บด้วยรองพื้นเล็บสีใส หรือน้ำยาบำรุงเล็บ นี่จะช่วยทำให้เล็บของคุณเรียบและขจัดส่วนที่ไม่เรียบบนเล็บออก เป็นตัวเคลือบก่อนลงน้ำยา ที่จะช่วยให้น้ำยาอยู่ติดทนนานขึ้น และช่วยทำให้สีไม่เปื้อนเล็บของคุณโดยตรง เพราะมีน้ำยารองพื้นรองไว้

2.ทาสีเล็บของคุณ  เลือกสียาทาเล็บที่คุณชอบมากมาสีหนึ่ง กลิ้งขวดไปมาในมือประมาณ 10 วินาที การเขย่าขวดจะทำให้เกิดฟองอากาศในน้ำยา ทำให้น้ำยาแข็งและเหนียวติดเล็บ เริ่มจากการทาบางก่อน จุ่มแปรงลงในขวดน้ำยา ขณะที่คุณเอาออกให้ปาดแปรงไปรอบๆ ปากขวดเพื่อเอาส่วนเกินของน้ำยาออก ค่อยๆ ทาเป็นแนวยาวจากปลายเล็บจนถึงโคนเล็บ และทาทับอีกครั้งแนวเดิมของทั้งสองด้านของครั้งแรก พยายามทาให้ถึงขอบ แต่อย่าให้เลอะผิวด้านข้างนิ้ว
เอียงแปรงไปด้านหน้าเล็กน้อย กดเบาๆ เพื่อให้ขนแปรงแผ่ออกเล็กน้อยไปตามความโค้งของเล็บ ค่อยๆ ลากให้เรียบไปตามเล็บ อย่าหยดสีลงบนเล็บแล้วทา เพราะจะทำให้สีเยอะเกิน จนทำให้เลอะออกมาด้านข้างของเล็บซึ่งจะทำให้เก็บสียากขึ้น หยดสีหรือการที่สีไหลแสดงถึงปริมาณสีที่มากเกินไป
ถ้ามีน้ำยาทาเล็บเลอะรอบๆ เล็บหรือบนนิ้ว ให้ใช้คัตตอลบัทเช็ดออกเบาๆระวังอย่าให้โดนสีทาเล็บที่ทาเเล้ว

3.ปล่อยให้เล็บแห้ง  พยายามอย่าขยับเล็บมากนัก เพราะยาทาเล็บอาจจะเปื้อนได้ให้รอสัก 10-15 นาทีจนน้ำยาแห้ง คุณอาจจะใช้พัดลมช่วยเป่าให้แห้งเร็วขึ้น พัดลมจะทำให้ความต่อเนื่องของความชื้นหายไปด้วย
หลังจากสีชั้นแรกแห้งแล้ว ให้ทาชั้นที่สองถ้าคุณต้องการ มันจะช่วยทำให้สีดูสวยชัดเจนและเรียบยิ่งขึ้น
หลังจากสีชั้นต่อมาแห้งแล้วคุณอาจจะเริ่มใส่ลวดลาย ด้วยการใช้แปรง แปรงพ่นสี แถบกาวหรือแผ่นลวดลาย สติ๊กเกอร์ พลอยปลอม หรืออื่นๆ
การข้ามขั้นตอนทารองพื้น หรือทาสีแค่ชั้นเดียว (ขึ้นอยู่กับชนิดของยาทาเล็บ และวิธีการทา ซึ่งบางครั้งสีอาจจะเรียบกว่าแต่หนาไม่เท่ากัน) ผลที่ออกมามักจะไม่ได้แย่ แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มชั้นอีกชั้นจะช่วยทำให้สีดูสวยชัดเจนขึ้น

4.ทาน้ำยาเคลือบเล็บ  การทาน้ำยาเคลือบเล็บจะช่วยป้องกันการขีดข่วน รอยแตก การหลุดลอก และช่วยทำให้เล็บเรียบ แข็งขึ้น โดยเฉพาะกับลวดลายที่ไม่ได้ครอบคลุมทั่วทั้งเล็บ และเพิ่มประกายให้กับเล็บด้วย ปล่อยให้แห้งสนิท เล่นให้สนุก และชื่นชมกับเล็บอันสวยงามของคุณ

วิธีการทาสีแบบกากเพชร Griter ประการวิ้งวับ

การทาสีกากเพชร  ให้ความประกายวิ้งวับ แถมเป็นสีที่ทาง่ายและสวยเก๋ไม่เหมือนใคร การทาสีพื้น หรือสีอะไรก็ได้ที่เราชอบ รองพื้นก่อนสักรอบเพื่อทำให้เล็บมือของคุณดูโดดเด่นยิ่งขึ้น





วิธีการทำก็ไม่ยากค่ะ แถมยังแห้งเร็วอีกด้วยนะคะ เหมาะสำหรับไปงานแฟนซี หรือไปเที่ยวกลางคืน เริ่มจากขั้นตอนแรกเลยนะคะ
  • ทาสีรองพื้น สีอะไรก็ได้ค่ะ อย่างเช่นเราต้องการลงกากเพชรสีแดง ก็ควรทาสีแดงลงสักรอบนึงค่ะ จากนั้นก็เอากากเพชรโรยให้ทั้งเล็บเลยค่ะ ไม่ต้องรอสีแห้งนะคะเดี๋ยวสีกากเพชรจะไม่ติดหน้าเล็บของเรา
  • ถ้าอยากได้ไฮไลท์หลายสีเราก็ทาสีอื่นลงไป โดยที่ไม่ต้องเป็นสีเดียวกันกับกากเพชรก็ได้ค่ะ เราก็จะได้เล็บนึงหลายสีค่ะ
  • ลงเคลือบเงาเคลือบเล็บ เพื่อไม่ให้สีกากเพชรหลุด แค่นี้ก็เสร็จแล้วคร่าาาา

วิธีเพ้นท์ดอกไม้สวยเก๋

วิธีการวาดลายดอกไม้เล็กๆ บนเล็บของคุณ

                คุณอาจจะต้องใช้สีเพิ่มอีก 2-3 สีจากชั้นรองพื้นของคุณเพื่อวาดลวดลายนี้



วิธีการทำ
  • ทาสีรองพื้นหรือเบสโค้ด
  • ทาสีเล็บที่ต้องการ แนะนำนิดนึงค่ะ ถ้าอยากได้ดอกไม้ที่โดดเด่น เราควรทาสีที่ไม่มีชิมเมอร์หรือกากเพชรนะคะ
  • รอให้สีแห้งสนิท จากนั้นผสมสีอคริลิคที่ต้องการทำดอกค่ะ แต่ถ้าไม่มี ก็ใช้สีทาเล็บทำดอกไม้ค่ะ ใช้ไม้จิ้มฟัน หรือไม้ส้ม ค่อยๆจุดให้ได้ 5 จุดนะคะ แล้วค่อยเพิ่มเติมต่อว่าอยากได้อะไรอีก
  • รอให้แห้งสนิทนะคะ แล้วค่อยทาเคลือบเงาหรือท็อปโค้ด เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ 

วิธีเพ้นท์เล็บแบบเฟ้นท์ปลายขาว French manicure

ทาเล็บแบบฝรั่งเศส (French manicure)
       สไตล์แบบคลาสสิคนี้จะช่วยเน้นปลายเล็บสีขาว ขณะที่ปล่อยให้เล็บส่วนที่เหลือเป็นสีธรรมชาติ










วิธีการทาสีแบบเฟ้นท์ปลายขาว จะว่าง่ายก็ไม่ง่ายเหมือนที่เห็นนะคะ เพราะเราต้องทำให้มีความโค้งเหมือนตัวซีหงายคะ ความละเอียดของการทาค่อนข้างเยอะ สำหรับช่างที่ชำนาญแล้วก็ไม่ยากคะ แต่หัดทำส่วนมากจะออกมาแบบเส้นตรงมากกว่าเส้นโค้ง  ทาสีเสร็จแล้วรอแห้งสนิท จากนั้นก็เคลือบด้วยสีทาเล็บเคลือบเงาหรือท็อปโค้ด

คำแนะนำ
สีขาวค่อนข้างแห้งยาก การทาให้ออกมาดีและแห้งเร็วที่สุด ควรทารอบแรกให้บางและแห้งสนิทก่อน ถึงค่อยทารอบ2 อีกครั้งค่ะ 
การทาสีแบบเฟ้นท์ปลายขาวนี้สีจะอยู่แค่ปลายเล็บและค่อนข้างหนากว่าทาธรรมดา สีที่ทามองดูเหมือนจะแห้ง แต่จริงๆแล้วสีแห้งยากมากค่ะ จึงควรระวังให้มากนะคะ 

วิธีไล่สีแฟนซี

ทาเล็บแบบไล่สี (Ombre nails)
     เริ่มจากไล่สีอ่อนไปสีเข้มเพื่อให้เล็บของคุณดูน่าสนใจและทันสมัยสุดๆ







วิธีการทำก็ง่ายแสนง่ายค่ะ  เพียงแค่ทาสีรองพื้นสีอะไรก็ได้ค่ะ จากนั้นรอสีแห้ง เราก็นำฟองน้ำที่ใช้ล้างรถตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ให้พอดีกับนิ้วมือของเราค่ะ สีที่เราจะไล่จะได้ไม่เลอะออกข้างเล็บจนเกินไป แค่นี้เราก็ได้เล็บที่เป็นแฟชั่น และทันสมัยอีกต่างหาก ถือว่าล้ำค่ะ ทำได้ทุกโอกาศ เพียงแต่เลือกสีที่ซอฟต์หน่อยนะคะ ถ้าจะออกงานแค่นี้เราก็ไม่ต้องเสียตังค์ในราคาแพงๆ อีกต่อไปค่ะ         
 และขั้นตอนสุดท้าย ท้ายสุดที่ลืมกันไม่ได้เลยก็คือเคลือบเงาหรือท็อปโค้ดนั้นเอง                             
อ๋อ!  และที่สำคัญหาพัดลมมาเป่าให้แห้งสนิทด้วยนะคะ เดี๋ยวเลอะเสียดายเวลาที่นั่งทำ ^_^

การแต่งเล็บมือให้สวยเก๋


การแต่งเล็บให้สวยเก๋  คุณไม่จำเป็นต้องไปที่ร้านเสมอ เพราะคุณสามารถทำเองได้ง่ายและสะดวก สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา คุณจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมไว้สำหรับทำเล็บ คุณอาจจะต้องเสียเงินเยอะหน่อยในครั้งแรก แต่ครั้งต่อๆ ไปที่นึกอยากจะทำเล็บด้วยตัวเอง คุณจะไม่ต้องจ่ายค่าอะไรอีก โดยเตรียมผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้

  • น้ำยาล้างเล็บ
  • สำลี
  • ตะไบขัดเงาเล็บ
  • กรรไกรตัดเล็บ
  • กรรไกรตัดหนัง
  • ตะไบเล็บ
  • วาสลีนหรือครีมบำรุง
  • น้ำยาทาเล็บ
  • น้ำยารองพื้นเล็บ
  • น้ำยาเคลือบเล็บหรือท็อปโค้ด
 1.จัดหาพื้นที่สำหรับทาเล็บ  การทำเล็บสำหรับคนที่มือใหม่หัดทำหัดลองต้องใช้พื้นที่กันนิดนึง เพื่อความถนัดของแต่ละบุคคล น้ำยาทาเล็บและน้ำยาล้างเล็บอาจทำให้เสื้อผ้าของคุณเลอะหรือโดนสีทาเล็บได้ง่ายมาก ควรใส่เสื้อตัวเก่า อย่าใส่เครื่องประดับใดๆ นั่งที่โต๊ะและอย่าลืมหาเศษกระดาษหรือผ้าเก่าๆมารอง เพราะระหว่างที่ทำเล็บอาจมีการกระเด็น หรือหกเปื้อน

2.ลบสีทาเล็บเดิมออกให้หมด  นำสำลีชุบน้ำยาล้างเล็บเพียงเล็กน้อย ล้างบริเวณเล็บของคุณที่มีสีติดอยู่ออกให้หมด คุณอาจจะหาน้ำยาล้างเล็บอันที่ไม่ทำให้เล็บและผิวแห้งมากนัก แต่ไม่จำเป็นต้องกังวลมากไป ยกเว้นว่าคุณมีอาการแพ้อย่างรุนแรง

3.ตัดเล็บและตะไบให้เรียบร้อย  ใช้กรรไกรตัดเล็บและกรรไกรตัดหนังตัดเล็บของคุณ อย่าตัดจนสั้นเกินไป ควรปล่อยให้ส่วนปลายเล็บสีขาวยื่นออกมาเล็กน้อย ใช้ตะไบตะไบเล็บให้เรียบและได้ทรงสวย ค่อยๆ ถูตะไบกับเล็บ อย่ากดมันแรงๆ การใช้แรงมากเกินไป หรือการตะไบกลับไปกลับมาจะทำให้เล็บของคุณเปราะและหักง่าย หมุนมือไปตามตะไบในแต่ละครั้งเพื่อทำให้เล็บโค้งสวยดีกว่าทำให้เป็นเหลี่ยมแหลม อย่าตะไบจนสั้นเกินไป แค่ทำให้เล็บเรียบ ไม่แหลมคมหลังจากตัดก็พอ

4.ขัดเงาให้กับเล็บของคุณ  ใช้ตะไบขัดเงาเล็บชนิดแท่ง หรือที่ขัดเงาเล็บแบบแผ่นและผงขัดเงา ขัดบริเวณผิวหน้าของเล็บเล็กน้อยเพื่อทำให้ผิวหน้าเล็บเรียบ อย่าขัดมากจนเกินไป การขัดจนเล็บบางจะทำให้เล็บเปราะได้ ไม่จำเป็นต้องทำให้ปลายเล็บสองด้านเรียบเสมอพอดีกัน การใช้ตะไบขัดเงาที่นุ่มและยืดหยุ่นจะสามารถขัดเงาด้านข้างเล็บไปพร้อมๆ กับตรงกลางเล็บได้ง่ายขึ้น
  
5.ทำความสะอาดเล็บ  นำกะละมังใส่น้ำเปล่าแล้วเติมน้ำอุ่นลงไป พร้อมกับผสมสบู่สัก 2-3 หยด จุ่มมือลงไปสักครู่ น้ำและสบู่จะช่วยล้างสิ่งสกปรก ผิวหนังที่ตายแล้ว และฝุ่นที่หลงเหลือจากการตะไบและขัดเงาออก และทำให้จมูกเล็บนุ่มขึ้น ใช้แปรงขัดเล็บทำความสะอาดเล็บและผิวบริเวณรอบๆ อย่างเบามือ ขัดด้านใต้เล็บเพื่อล้างสิ่งสกปรกออก ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้ง หรือเล็บบาง อย่าแช่มือไว้ แค่ล้างก็พอ
ระวังอย่าขัดแรงเกินไป เพราะอาจจะทำให้หน้าเล็บเสียจากการขัด
6.เตรียมผิวหนังรอบเล็บของคุณให้พร้อม  เช็ดเล็บให้แห้งและทาครีมบำรุงจมูกเล็บ ใช้ที่ดันหนังกำพร้า ค่อยๆ ดันจมูกเล็บลง อย่าฝืนดันหนังมันออกมากไป และพยายามอย่าตัดจมูกเล็บ แม้ว่าอุปกรณ์นั้นจะผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว แต่การตัดจมูกเล็บออกจะก่อให้เกิดการติดเชื้อและทิ้งให้ผิวหนังขาดสิ่งปกป้องและบอบบาง เช็ดครีมที่เกินมาออกด้วยกระดาษทิชชู่ หรือผ้าขนหนูในทางที่คุณดันมัน แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องตัดหนังเพราะชินกับการตัด ก็ควรเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อด้วยนะคะ และหลังตัดเสร็จก็ควรเช็ดแอลกอฮอล์หรือต้มน้ำร้อนลวกเพื่อฆ่าเชื้อด้วย ถึงแม้ว่าคุณจะใช้อุปกรณ์แค่คุณคนเดียวก็ตาม เพราะเชื้อโรค มันสะสมแบคทีเรีย และถ้าคุณตัดหนังแล้วเลือดออก อาจจะเป็นบาดทะยักได้ง่ายมาก ควรระวังเรื่องการตัดหนังให้ดีที่สุดค่ะ

7.ทาครีมทามือวาสลีนหรือโลชั่น  กดโลชั่นหรือครีมทามือออกมานวดมือ ถ้าคุณมีผิวที่แห้งมาก ใช้ครีมสูตรเข้มข้น แต่ถ้าไม่ใช้แค่โลชั่นก็ได้อย่าลืมถูรอบๆเล็บและปล่อยให้แห้งสัก 5-10 นาที หรือนานกว่านั้นก็ได้ คุณสามารถที่จะทำเช่นนี้ได้หลังจากทาเล็บเสร็จแล้ว ปล่อยให้แห้งเช่นเดียวกับก่อนทาเล็บ สำหรับผิวแห้งมากให้ทาโลชั่นที่มีความหนืดหน่อย และถ้าคุณจะทำงานบ้านล้างจานหรือทำกับข้าวการใส่ถุงมือเพื่อป้องกันการหลุดของสีและกันมือแห้ง การใส่ถุงมือเป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ